ตอบคำถามยอดฮิต Ulthera SPT ต่างจาก Ulthera อย่างไร ? ทำกี่ไลน์ ? เจ็บไหม ?

Ulthera SPT

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธียกกระชับใบหน้าและปรับหน้าเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด “Ulthera SPT” เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งหลายคนอาจสงสัยว่า Ulthera SPT คืออะไร ? ต่างจาก Ulthera ไหม ? เห็นผลเมื่อไร ? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ? ไปหาคำตอบกันได้ในบทความนี้


1. Ulthera SPT ต่างจาก Ulthera อย่างไร ?

จริง ๆ Ulthera SPT กับ Ulthera คือเครื่องเดียวกัน เพียงแต่ การเรียกชื่อ Ulthera SPT เป็นชูความศักยภาพของตัวเครื่องขึ้นมา

Ulthera SPT หรือ Ulthera  คือ เครื่องมือยกกระชับผิว ลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อย พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เซลล์ผิวมีความแน่นกระชับขึ้น หากทำบริเวณแก้ม เหนียง ก็จะช่วยให้กรอบหน้าคมชัด หน้าดูเรียวได้

ความพิเศษของ Ulthera SPT จะอยู่ที่การใช้เทคโนโลยี MFU-V (Microfocus Ultrasound with Visualization) ที่มาพร้อมเทคนิคพิเศษ SPT หรือ See Plan Treat ช่วยออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล

  • S-See : มองเห็นปัญหาบนใบหน้าได้ทุกชั้นผิว แสดงภาพชั้นผิวผ่านหน้าจอแบบ Real time แพทย์จึงสามารถยิงพลังงานลงแต่ละชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ
  • P-Plan : แพทย์สามารถประเมิน วิเคราะห์ วางแผน และเลือกเทคนิคการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน จึงแก้ไขปัญหาได้อย่างประสิทธิภาพสูงสุด
  • T-Treat : เทคโนโลยี MFU-V จะส่งคลื่นอัลตราซาวด์พลังงานสูงไปที่ผิวหนังชั้น SMAS ยกกระชับแม่นยำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดี และมีความปลอดภัย

2. Ulthera SPT มีหลักการทำงานอย่างไร ?

การทำงานของ Ulthera SPT จะใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (High Intensity Focused Ultrasound) ส่งความร้อนประมาณ 60-70°C ลงลึกถึงใต้ชั้นผิว SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic system) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่แพทย์ทำการผ่าตัด ในลักษณะของจุดพลังงานขนาด 1 มม. เหมือนจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงเป็นแถวยาวใต้ผิว ทำให้ผิวหดตัวและยกกระชับขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด

พลังงาน Ulthera SPT

Ulthera SPT  มีหัวยิงหลายแบบให้แพทย์เลือกใช้ตามความเหมาะสมกับระดับความลึกของชั้นผิว

  • หัว 1.5 มม. ใช้สำหรับลดริ้วรอยและกระชับผิวในชั้นผิวหนังกำพร้าและชั้นผิวหนังแท้ (Dermis)
  • หัว 3 มม. ใช้สำหรับกระชับชั้นไขมัน (Subcutanious tissue) กระตุ้นคอลลาเจน ลดความหย่อนคล้อยของผิว
  • หัว 4.5 มม. ใช้สำหรับยิงชั้น SMAS ที่เป็นผิวชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า

3. Ulthera SPT ทำจุดไหนได้บ้าง ?

  • ผิวหน้า แก้ม ยกกระชับผิวหน้า ยกแก้มที่หย่อนคล้อย
  • กรอบหน้า ปรับรูปหน้าเรียว กรอบหน้าชัด
  • ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ลดริ้วรอยร่องแก้ม ร่องมุมปาก
  • คาง ลำคอ ลดเหนียง เก็บคางสองชั้น กระชับผิวบริเวณลำคอ
  • รอบดวงตา ใต้ตา ลดริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ลดถุงใต้ตา
  • คิ้ว หางตา ยกคิ้ว ยกหางตา แก้หนังตาตก

4. Ulthera SPT ควรทำกี่ไลน์/ช็อต ?

การทำ Ulthera SPT มีหน่วยนับเป็นไลน์ (Line) โดยใน 1 Line จะมีจุดพลังงานขนาดเล็ก 1 มม. เรียงกัน 15-25 จุด เป็นเส้นยาวประมาณ 2.5 ซม. ซึ่งคลินิกบางแห่งอาจใช้คำว่าช็อต (Shot) แทน โดยจำนวน Line ที่ควรทำขึ้นอยู่กับปัญหา สภาพผิว และบริเวณที่ต้องการยกกระชับ ดังนี้

  • รอบดวงตา 200 line
  • บริเวณแก้ม ประมาณ 300 line
  • บริเวณแก้มและเหนียง ประมาณ 500 line
  • ทั่วหน้า ประมาณ 700 line
  • ทั่วหน้าและลำคอ ประมาณ 1,000 line

5. ทำ Ulthera SPT เจ็บไหม ?

ความรู้สึกระหว่างการทำ Ulthera SPT จะรู้สึกเจ็บในระดับหนึ่งแต่ทนได้ โดยจะรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ปวด ๆหน่วง ๆ ที่ชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิว หรืออาจรู้สึกอุ่นจนร้อนที่จุดรับพลังงาน 

อย่างไรก็ตาม ด้วยเทคโนโลยี MFU-V ช่วยให้แพทย์มองเห็นโครงสร้างผิว ทำให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงไปโดนกล้ามเนื้อหรือกระดูก จึงช่วยลดความเจ็บปวดลงได้ นอกจากนี้จะมีการทายาชาก่อนทำเพื่อบรรเทาความเจ็บด้วย


6. ทำ Ulthera SPT มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?

หลังทำ Ulthera SPT อาจมีอาการบวมแเดง มีรอยช้ำเล็กน้อยชั่วคราว หรือรู้สึกผิวหนังระบมเมื่อสัมผัส แต่อาการเหล่านี้สามารถหายไปเองได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่มีผลกระทบระยะยาว


7. Ulthera SPT เห็นผลเมื่อไร ? ควรทำซ้ำไหม ?

ผลลัพธ์ Ulthera SPT

หลังทำ Ulthera SPT จะเริ่มเห็นผลยกกระชับประมาณ 30% ทันทีในครั้งแรกและจะเห็นผลชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 1-3 เดือน เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างมากขึ้น ผิวจะดูกระชับ เรียบเนียน และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละคน 

หากต้องการคงผลยกกระชับให้ได้นาน ควรทำซ้ำเป็นประจำทุกปี เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง


สรุป

จาก 7 คำถามที่พบบ่อย สรุปได้ว่า Ulthera SPT เป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวหน้าแบบไร้การผ่าตัด แพทย์สามารถมองเห็นได้ลึกถึงชั้นผิวหนังและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เหมาะกับการยกกระชับใบหน้า เหนียง และลำคอ โดยผลลัพธ์การยกกระชับจะค่อย ๆ เห็นชัดเจนขึ้นใน 1-3 เดือน และคงอยู่ได้นาน 1 ปี แนะนำให้ทำซ้ำเป็นประจำทุกปี หากต้องการคงผลการยกกระชับระยะยาว